หากคุณกำลังมองหา หนังอีโรติกที่ฟินชวนจิกหมอนแบบฉ่ำๆ เรื่องใหม่ล่าสุด ที่การันตีความซี้ดจนเข็ดฟันด้วยฝีมือการแสดงจากตัว
รายละเอียดภาพยนตร์อีโรติกดราม่า Babygirl 2025
- ชื่อเรื่อง: Babygirl
- แนวภาพยนตร์: ดราม่า, ระทึกขวัญ, อีโรติก
- ผู้กำกับ: Halina Reijn
- ระบบเสียงและภาษา: อังกฤษ (มีซับไทยในโรงภาพยนตร์)
- วันที่ออกฉายครั้งแรก: 25 ธันวาคม 2024 (สหรัฐอเมริกา) / 16 มกราคม 2025 (ประเทศไทย)
- ความยาว: 114 นาที
- นักแสดงนำ: Nicole Kidman รับบท Romy Mathis (โรมี แมทธีส) / Harris Dickinson รับบท Samuel (ซามูเอล) / Sophie Wilde รับบท Claudia (คลอเดีย) / Antonio Banderas รับบท Victor (วิคเตอร์)
เรื่องย่อ ภาพยนตร์ Babygirl (2025) ภาพยนตร์อีโรติก ดราม่า"Babygirl"
ภาพยนตร์อีโรติกเคล้าดราม่าซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและแรงดึงดูดในโลกธุรกิจระดับสูง Romy Mathis (รับบทโดย Nicole Kidman) เธอดำรงตำแหน่งซีอีโอ (CEO) ผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมสื่อที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ ครอบครัวที่ perfect พร้อมอำนาจในการควบคุมดูแลผู้อยู่ใต้อำนาจแบบเต็มเปี่ยม แต่เรื่องราวของเธอก็เริ่มสั่นคลอนเมื่อเธอได้พบกับ Samuel (รับบทโดย Harris Dickinson) อินเทิร์นหนุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัท
Samuel ที่ดูเหมือนเป็นชายหนุ่มธรรมดาๆ แต่ทว่าตัวเขากลับเต็มไปด้วยเสน่ห์และความทะเยอทะยานที่ดึงดูดใจ Romy อย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างทั้งสองเริ่มต้นขึ้นอย่างลับๆ แต่กลับกลายเป็นเหมือนเกมจิตวิทยาที่ทั้งสองต่างพยายามควบคุมอีกฝ่าย ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเมื่อ Romy เริ่มสงสัยว่า Samuel อาจมีแรงจูงใจซึ่งพุ่งตรงมาที่เธอมากกว่าความรัก ความเชื่อใจและอำนาจในองค์กรกลายเป็นเดิมพันที่ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะเสี่ยง
ในขณะเดียวกัน Romy ต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านภายในองค์กรของเธอเอง โดยเฉพาะจากเพื่อนร่วมงานคนสนิทอย่าง Claudia (รับบทโดย Sophie Wilde) และคู่แข่งในวงการเดีวกัน การพยายามรักษาตำแหน่งและภาพลักษณ์ของเธอในสังคมชั้นสูงทำให้ Romy ต้องตัดสินใจในสิ่งที่อาจเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล เรื่องราวระหว่าง Romy และ Samuel จะไปจบลงที่ตรงไหน? ชีวิต การงานและครอบครัวของเธอจะเป็นอย่างไร ติดตามคำตอบได้ในภาพยนตร์ Babygirl ในโรงภาพยนตร์ในเดือนมกราคม 2025 ที่ใกล้มาถึงนี้
รีวิว ภาพยนตร์ Babygirl (2025) เกมรัก อำนาจและไฟแห่งปรารถนา
Hot ฉ่า ปรอทแตก..พร้อมฟินจิกหมอนด้วยคำเรียกง่ายๆ อย่างคำว่า Babygirl คือ ชุดความคิดแรกหลังจากที่เราได้เห็น trailor ภาพยนตร์เรื่อง Babygirl พร้อมกับรายละเอียดอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
- เส้นเรื่องที่ดูเหมือนธรรมดาแต่มีมนต์ตราดึงดูดใจผู้ชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครเป็นคอหนังอีโรติก ตัวละครมีความ
ซึนหน่อยๆ ไม่มีใครยอมใครนิดๆ บอกเลยว่าเก็บเรื่อง Babygirl เข้า Watch list ได้เลย เพราะเรื่องนี้นางเอกซึ่งเป็น CEO ที่สามารถควบคุมใครต่อใครได้กลับต้องมาเจอหนุ่มน้อยอายุห่างกันหลายปีลอบกุมบังเหียนพร้อมปลุกใครอีกคนที่หลับไหล ในตัวของเธอให้ตื่นขึ้นมาอย่างเผ็ด ฉ่าเร่าร้อน แต่อย่างไรก็ตามด้วย Ego ของทั้ง 2 ตัวละคร ทำให้มีจังหวะลูกล่อลูกชนด้วยความไม่เป็นรองกัน มันเลยทำให้เส้นเรื่องที่ดูดาษดื่นกลายเป็นความน่าตื่นเต้นได้อย่างพอเหมาะ - มิติซับซ้อนของตัวละคร ไม่ใช้แค่การหยิบเรื่องราวของ CEO มาดเข้มดุจพญาเสือ ให้มาเข้าคอร์สรักจนกลายเป็นเหยื่อตัวเล็กลงแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ Babygirl ยังซ่อนปมเนื้อหาของตัวละครซ้อนไว้อีกหลายชั้น ด้วยการส่องภาพให้เห็นว่าตัวละครอย่าง Romy ที่ดูเหมือน perfect ทุกอย่างแต่แท้จริงแล้วกลับเต็มไปด้วยความเปราะบาง ทั้งยังมีความต้องการในใจลึกๆ ที่เธอต้องเก็บงำมันเอาไว้เพราะตำแหน่งหน้าที่การงานและ
ค วามมีหน้ามีตาในสังคมของเธอ ส่วน Samuel หนุ่มอินเทิร์นหน้าใสแต่กลับซ่อนเอาไว้ด้วยความขี้เล่น และอำนาจการ control ใจของคนได้ด้วยเสน่ห์อันเต็มเปี่ยม
- ฉากอีโรติก ฟินจิกหมอน ภาพยนตร์ที่รู้ตัวเองว่าควรขยี้เส้นไปในทิศทางไหน ด้วยความเป็นอีโรติก แนว control นิดๆ ที่
ถูก สื่อผ่านตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวได้อย่างเด่นชัด บอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เสิร์ฟฉากสุดฟินได้อย่าน่าสนใจ และในขณะเดียวกันยังเป็นการท้าทายความคิดของเรา ด้วยการโยนคำถามผ่านบทตัวละครว่าระหว่างความถูกผิด หลักจริยธรรมและไฟความต้องการของตัวเอง ควรเลือกหนทางไหนจึงจะถูกต้องที่สุด? - งานภาพสวยตระการตา ทันทีที่ได้เห็นตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Babygirl บอกเลยว่างานภาพสวยมากจริงๆ ภาพคมชัด เกลี่ยเฉดสีมาได้อย่างสวยงาม เป็นภาพยนตร์แนวอีโรติกที่ไม่ได้ย้อมภาพให้มืดทึม แต่โดดเด่นด้วยแสง สีที่สดใส ทำให้เรารู้สึกได้มวลพลังงานที่โดดเด่นโดนใจได้ตั้งแ
ต่ ครั้งแรกที่ได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์จนจบ
เรียกได้ว่าภาพยนตร์ Babygirl เป็นภาพยนตร์อีโรติกดราม่า ที่น่าติดตามอีกหนึ่งเรื่อง ด้วยมนต์เสน่ห์ของนักแสดงนำมากฝีมือ ผู้กำกับงานดี และเนื้อหาที่คละคลุ้งไปด้วยความดราม่าและความรักอันแสน
เปิดวาร์ปนักแสดงนำ Babygirl (2025)
- Nicole
Kidman รับบท Romy
Mathis
นักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวออสเตรเลีย-อเมริกันที่มีชื่อเสียงระดับโลก เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 1967 ในฮาวาย สหรัฐอเมริกา เธอเริ่มต้นอาชีพการแสดงตั้งแต่ยังเยาว์วัยและก้าวสู่การเป็นดาราฮอลลีวูดด้วยบทบาทที่หลากหลายในภาพยนตร์และซีรีส์มากมาย ผลงานที่สร้างชื่อให้เธออย่างเช่น Moulin Rouge! (2001), The Hours (2002) ซึ่งเธอได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และเธอยังมีผลงานการแสดงอีกมากมาย เช่น Aquaman and the Lost Kingdom (2023), The Prom (2020), Bombshell (2020) เป็นต้น
- Harris
Dickinson รับบท Samuel
นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1996 ในลอนดอน เขาเริ่มต้นเส้นทางการแสดงด้วยภาพยนตร์สั้นและละครเวที ก่อนจะสร้างชื่อในวงการฮอลลีวูดจากบทบาทใน Beach Rats (2017) ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผลงานเด่นอื่นๆ ของเขารวมถึง The King's Man (2021), Triangle of Sadness (2022) ซึ่งได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และบทบาทเจ้าชายฟิลลิปส์ใน Maleficent: Mistress of Evil (2019)
- Sophie
Wilde รับบท Claudia
นักแสดงชาวออสเตรเลียที่กำลังมาแรงในวงการบันเทิง
เธอเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1998
ในซิดนีย์
มีมารดาชาวไอวอรีโคสต์และบิดาชาวออสเตรเลีย เธอเริ่มสนใจการแสดงตั้งแต่อายุ 5
ปี ผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก ได้แก่
บทบาทในซีรีส์ Eden และ You
Don't Know Me ในปี 2021
ต่อมาในปี 2022 เธอได้รับบทนำในภาพยนตร์สยองขวัญ Talk to
Me ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัล AACTA
Award สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
ผลงานอื่น ๆ ของเธอ เช่น The Portable Door (2023), Babygirl (2024), ซีรีส์ Tom Jones และ Everything Now (2023) และ Boy Swallows Universe ในปี 2024
- Antonio
Banderas รับบท Victor
นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ชาวสเปนที่มีชื่อเสียงระดับโลก เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1960 ในเมืองมาลากา ประเทศสเปน เขาเริ่มต้นอาชีพในวงการภาพยนตร์สเปน โดยร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง Pedro Almodóvar ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Law of Desire (1987) และ Tie Me Up! Tie Me Down! (1990) ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ฮอลลีวูด ซึ่งผลงานสร้างชื่อของเขา ได้แก่ The Mask of Zorro (1998), Desperado (1995), Evita (1996) นอกจากนี้เขายังมีผลงานการแสดงอื่นๆ อีกลหลายเรื่อง เช่น Indiana Jones and the Dial of Destiny (2023), Official Competition (2022), Uncharted (2022), The Hitman's Wife's Bodyguard (2021)