บทความนี้จะขอพาเพื่อนๆ มาลองเที่ยวเมืองสงบๆ ในจังหวัดนากาโนะ อย่างเมือง Azumino เมืองเล็กๆ สุดแสนจะ Local ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาแอลป์ญี่ปุ่น บรรยากาศเขียวขจี และ Vibe ที่ดีต่อหัวใจสุดๆ ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีสถานที่ให้เราออกท่องเที่ยวเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าหลายต่อหลายแห่ง ไร่วาซาบิอย่าง Daiō Wasabi Farm สุดเลื่องชื่อ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Azumino ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันได้เลย
เราเดินข้ามถนนกลับมาอีกฝั่งเพื่อเช่ารถจักรยาน เริ่มต้นที่ชั่วโมงละ 200-300 เยน ร้านนี้แนะนำ เพราะเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้ แนะนำที่เที่ยว รวมถึงเส้นทางที่ควรเริ่มปั่นไป เมื่ออธิบายเสร็จสรรพ และเตรียมจักรยานกันเสร็จก็พร้อมออกปั่น แนะนำพกหมวก ใส่เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันตัวเองจากแสงแดดกันเสียหน่อย โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่ฟ้าจะใสแจ๋ว แสงแดดสว่างจ้า
เราเริ่มปั่นจักรยานไปยังจุดแรก คือ Tokoji Temple วัดโทโคจิ วัดพุทธที่ผสมผสานความดั้งเดิมกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ด้านหน้ามีรองเท้าไม้ญี่ปุ่นสีส้มขนาดใหญ่ หรือเรียกว่า เกตะ และ บอร์ดตัวละครขนาดเท่าคนจริง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ด้านในมีสวนน้ำญี่ปุ่นที่สวยงาม และมีสุสานอยู่ด้วย บรรยากาศในวัดแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ วันที่เราไปคือไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย
จากนั้นเราก็ออกปั่นกันต่อ โดยมีจุดมุ่งหมายคือ ไร่วาซาบิไดโอ (Daio Wasabi Farm) ซึ่งเป็นหนึ่งในไร่วาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร ก่อตั้งขึ้นในปี 1915 โดยจะต้องปั่นออกไปไกลสักหน่อย ใช้เวลาปั่นจากศาลเจ้าจุดแรกไปประมาณ 15-20 นาทีเห็นจะได้ บรรยากาศตอนที่ปั่นไปก็ชิลมากๆ 2 ริมฝั่งทางเป็นวิวของนาข้าวญี่ปุ่นที่เขียวขจี อากาศก็เย็นสบายประมาณ 20 ต้นๆ ถึงแดดจะร้อนแต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดตัว ปั่นชมวิวไปสักพักก็มาถึงฟาร์มวาซาบิ
Daio Wasabi Farm เป็นฟาร์มวาซาบิขนาดใหญ่มาก ลานจอดรถกว้างขวางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว วันที่เราไปนักท่องเที่ยวยุโรปที่น่าจะมาเป็นทัวร์มากันเยอะมากๆ ที่ด้านหน้าสุดของฟาร์มจะเป็นร้านขายของฝาก เมื่อเราเดินเข้าไปจะเจอกับร้านที่ขายของหวาน และของกินจากวาซาบิ เราลองชิมทั้งไอศกรีมและโคร็อกเกะวาซาบิ รสชาติอร่อยดีเลย ความโดดเด่นของเขาคือใช้วาซาบิสดๆ จากฟาร์มมาเป็นส่วนผสม วาซาบิเผ็ด ฉุน ขึ้นจมูกดีสุดๆ
จุดใกล้ๆ กันเป็น วิวธรรมชาติหายาก (Strange Rare Landscape) ของ Azumino คือ “แม่น้ำสองสี” ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำโยโรซุย (Yorozui-gawa) ซึ่งเป็นแม่น้ำทั่วไป และแม่น้ำทาเดะ (Tade-gawa) เป็นแม่น้ำที่มีต้นน้ำเป็นน้ำพุใส 100% ที่ไหลขนานโดยไม่ผสมกัน เพราะความแตกต่างของ อุณหภูมิของน้ำและคุณสมบัติน้ำ ซึ่งถ้าเรามองจะเป็นเป็นน้ำ 2 สีแบบชัดเจน
รีวิว AZUMINO เมืองเล็กๆ จ.นากาโนะ ที่เปี่ยมล้นไปด้วยบรรยากาศดีๆ
เริ่มออกเดินทางจากสถานี Hakuba โดยเลือกใช้รถไฟ สาย Ōito Line ไปยังสถานีโฮตากะ (Hotaka Station) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 42 นาที ตัวสถานีรถไฟที่นี่สวยดีเลย เป็นงานไม้ทั้งหมด แต่ตัวสถานีมีขนาดค่อนข้างเล็ก เนื่องจากตัวเมืองมีขนาดไม่ใหญ่มาก ตอนที่เรานั่งไปคนไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนขากลับช่วง 16.00-17.00 น. นักเรียนจะแน่นขบวนเลยหลังจากที่มาถึงสถานี ถ้าใครมีสัมภาระ กระเป๋าเดินทาง สามารถฝากกระเป๋าไว้ที่ Coin lockers ซึ่งอยู่ที่ด้านนอกของสถานีได้เลย ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 400-700 เยน ขึ้นกับขนาดของกระเป๋า
แล้วเราก็ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามสถานี เดินไปทางซ้ายมือจะเป็น Tourist information เพื่อดูว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากน้อยแค่ไหน พนักงานในศูนย์แห่งนี้น่ารัก แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอย่างตั้งใจ ด้านหลังมีของฝากจากเมือง Azumino ไว้ให้เราซื้อติดมือได้ด้วย ส่วนการเดินทางที่ได้รับความนิยมของที่นี่จะเป็นการปั่นจักรยาน โดยมีเลนส์สำหรับปั่นจักรยานอยู่ทั่วเมือง และมีบริการรถบัสเหมือนกันแต่จะมีแค่รอบวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งป้ายรถบัสก็จะอยู่หน้า Tourist information เลย
![]() |
ไอศกรีมวาซาบิ วาซาบิฉุนดีมาก |
![]() |
โครอกเกะ หมูทอดร้อน ชุ่มฉ่ำ มีวาซาบิผสมในครีม |
![]() |
มีที่นั่งทาน กว้างขวางดี |
![]() |
กังหันน้ำ |
![]() |
วิวตรงนี้สวยมาก น้ำใสแจ๋ว |
หลังจากทานอาหารรองท้องเรียบร้อย เราก็ออกเดินเล่นไปทั่วฟาร์มวาซาบิ เริ่มจากที่แรกเป็นกังหันน้ำ ที่สร้างขึ้นสำหรับภาพยนตร์เรื่อง "Dreams" ของอากิระ คุโรซาวะ บรรยากาศไม่ได้สวยตระการตาจนลืมหายใจ แต่มันเป็นความงดงามจากธรรมชาติสีเขียวขจี ทำให้จิตใจของเราสงบ โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พายเรือในแม่น้ำมาด้วยดูน่าสนุกดี
![]() |
น้ำ 2 สี แบบเห็นชัดๆ |
เพราะความสะอาดของแหล่งน้ำ น้ำที่ใสแจ๋ว สะอาด และไหลมาอย่างต่อเนื่องจากเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นฝั่งเหนือ (Northern Japan Alps) ทำให้บริเวณแห่งนี้เอื้อต่อการปลูกวาซาบิ โดยระหว่างที่เราเดินเล่นชมวิวอยู่ จะเห็นสแลนสีดำถูกกางอยู่จนทั่ว ด้านล่างของสแลนเหล่านั้นคือต้นวาซาบิ ที่ถูกปลูกอยู่บนพื้นและมีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา หากไปตอนที่ชาวสวนกำลังทำงานเราก็จะได้เห็นบรรยากาศการดูแลต้นวาซาบิได้โดยตรง ซึ่งฟาร์มวาซาบิของที่นี่กว้างมากกก นอกจากไร่วาซาบิแล้วเขาก็มีร้าวรวงต่างๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวทั้งห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศาลเจ้า เดินเล่นันเสร็จก็แวะทานอาหารเที่ยงกันได้แบบไม่ต้องออกไปหาทานที่อื่น เราแวะทานที่ร้าน OASIS เป็นเซตสเต๊กเนื้อหมู และเนื้อวัว เสิร์ฟเป็นแบบเซตตามสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติดี มีครบคาวหวาน
จากนั้นก็เดินออกมาที่โซนด้านหน้า ก่อนปั่นจักรยานกลับไปยังสถานี เราก็แวะซื้อของฝากกันในร้านขายของฝากด้านหน้าเสียหน่อย ในร้านมีอาหาร เครื่องปรุง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เป็น Theme วาซาบิ ให้เราซื้อติดไม้ติดมือเยอะแยะเลยทีเดียว ราคาก็กลางๆ ไม่ได้แพงมากนัก โดยร้านขายของฝากจะเปิดตั้งแต่ 09.00-17.00 น. คิดว่าน่าจะเป็นเวลาเปิด-ปิด ทำการของ Daio Wasabi Farm ด้วยเหมือนกัน
แล้วเราก็ปั่นจักรยานลัดเลาะ ชมวิวรอบๆ เมือง บรรยากาศของที่นี่จะมีความเป็นธรรมชาติมากๆ เอาดีๆ ก็เหมือนวิวต่างจังหวัดของบ้านเราเลย มีคลอง มีเส้นถนนริมน้ำ วันที่เราไปอากาศดีมากๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ปั่นจักรยานได้ม่วนมากๆ ทังนี้การปั่นจักรยานในเมือง Azumino ก็ถือว่าปั่นได้ง่ายเลยค่ะ รถใหญ่บนถนนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ และมีเลนส์เฉพาะ
สถานที่ต่อไปคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโรคุซัง (Rokuzan Art Museum) ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อุทิศให้กับผลงานของศิลปินและประติมากรชาวญี่ปุ่น โอกิวาระ โมริเอะ (Ogiwara Morie) หรือที่รู้จักในนาม "โรคุซัง" (Rokuzan) มีค่าเข้าชมคนละ 900 เยน
อาคารหลักของพิพิธภัณฑ์สร้างขึ้นในปี 1958 มีลักษณะคล้ายโบสถ์คริสต์ ทำจากอิฐแดงและกระจกสี สะท้อนความเชื่อทางศาสนาคริสต์ของโรคุซัง มองจากด้านนอกก็สวยเก๋เพราะมีไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมโบสถ์เอาไว้ดูสวยงาม
ด้านในของพิพิธภัณฑ์จะเน้นงานประติมากรรม งานปั้นหุ่นคนแบบเรียลลิสติก (Realistic Human Forms) เน้นท่าทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ มีห้องจัดแสดงหลายจุด และตรงจุดเดียวกับทางเข้าจะมีร้านเล็กๆ ไว้ขายของฝากด้วย ส่วนตัวเราว่าเป็นพิพิทธภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม ใครชอบงานปั้นลอยตัว งานปั้นหุ่นคนน่าจะชอบ แต่เสียดายที่ตัวพิพิธภัณฑ์จะค่อนข้างเล็กเสียหน่อย เดินชมเสร็จก็ปั่นจักรยานไปคืนที่ร้านเช่า เป็นอีกหนึ่งทริปการเที่ยวชมเมืองเล็กๆ ที่รู้สึกประทับใจไม่ลืมจนถึงวันนี้
หลังจากที่เราคืนรถจักรยานเรียบร้อย ก็แวะมาเดินเล่นที่ ศาลเจ้าฮอตากะ (Hotaka Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ในเมืองอาซูมิโนะแห่งนี้ บรรยากาศในศาลเจ้าแห่งนี้กว้างขวาง มีทั้งเสาโทริอิขนาดใหญ่ ศาลาคากุระเด็น (Kaguraden) สำหรับประกอบพิธีและการเต้นรำศักดิ์สิทธิ์ และอาคารประดิษฐานเทพเจ้า ชอบที่มีต้นไม้เขียวขจีอยู่โดยรอบ เหมาะกับการขอพร และแวะนั่งพักคลายร้อน
จบไป 1 วัน สำหรับการเที่ยวเมือง Azumino เมืองเล็กๆ ในจังหวัดนากาโนะ เมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยบรรยากาศอันเงียบ สงบ ร่มรื่น ของหุบเขา เหมาะกับการปั่นจักรยานเล่นให้สบายใจ มีศาลเจ้าให้แวะชมความงามหลายแห่ง ฟาร์มวาซาบิขนาดใหญ่ พร้อมของฝากให้ซื้อติดมือมากมาย ใครสนใจอยากไปเที่ยว สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://visitazumino.com/ กันได้เลย เขาทำข้อมูลเอาไว้ครบครันเลยทีเดียว