เดือด ดี เด็ด เกินความคาดหวังไปมากโข สำหรับซีรีส์ไทยสุดเดือด ที่เพิ่งเข้าฉายใน Netflix ไปแบบหมาดๆ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) ซีรส์แนวธุรกิจแบบเดือดจัด ที่สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของธุรกิจ Flash Express ม้ายูนิคอร์นตัวแรกของไทยที่พร้อมโบกปีดสะบัดไปไกลถึงต่างแดน พร้อมสาดโครงเรื่องเคล้าดราม่าให้ฟุ้งโดยสุดบอดผู้กำกับและทีมผู้เขียนบทสุดเจ๋ง นำแสดงโดยนักแสดงตัวเซียน ไม่ว่าจะเป็น ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, เจนเย่ เมธิกา จีรนรภัทร, ดร.พลัง โลกศิลป์, พีช พชร และ เอก ธเนศ พร้อมจุดสงครามเดือดของธุรกิจส่งด่วนให้พวกเราได้รับชม
เรื่องย่อ สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) ซีรีส์ไทย ทาง Netflix
เรื่องของ สันติ (รับบอโดย ไอซซึ ณัฐรัตน์) เด็กหนุ่มที่เติบโตมาอย่างยากลำบากบนยอดดอยที่ห่างไกลความเจริญ จนกระทั่งจับพลัดจับผลูมาทำงานในเหมืองทราย และได้รับตำแหน่งล่ามผู้ช่วยของเสี่ยใหญ่ชาวจีน แต่แล้ววันหนึ่งสันติได้โชว์ไหวพริบด้านธุรกิจด้วยกาปิดดีลเหมืองทรายให้เสี่ยได้ จึงตัดสินใจเบิกเงินล่วงหน้า ในยอดน้ำหนัก 1 kg. เพื่อมุ่งเข้าเมืองกรุง และตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะต้องได้ครองเงินหลักร้อยล้าน ครอบครัวและทุกคนที่เขารักจะต้องสบาย!!สันติสู้งานหนักงานเบาไม่มีถอย เขาเริ่มต้นกรุยทางฝันจากการเป็นไกด์นำทัวร์จีน จนได้มีโอกาสเดินทางไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ถึงแม้ธุรกิจนายหน้าขายคอนโดของเขาจะล้มไม่เป็นท่า ทว่าเขากลับปิ๊ง idea เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ในราคาเริ่มต้นเพียง 25 บาท ติดสมองกลับมาด้วย ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสปั้นฝันครั้งใหญ่ร่วมกับ เจ้าสัวคณิน นายธุรกิจเจ้าใหญ่ในเมืองไทย ที่พร้อชักเรือธงนำร่องธุรกิจขนส่ง EZY Express ไปกับสันติ โดยทั้ง 2 ตกลงถือหุ้นในสัดส่วนที่เหมาะสม สันติยึดครองหุ้นไปที่ 19% พวกเขาพยายามปิดดีลกับบริษัทแม่อย่างสุดตัว และสุดท้ายก็สำเร็จ
แต่แล้ว "แมลงวัน" ตัวจ้อยอย่างสันติ ก็ถูกยักษ์ใหญ่ตลบหลัง เมื่อเจ้าสัวคณินเพิ่มยอดเงินลงทุน พร้อมส่งให้ เคน (พีช พชร) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขึ้นนั่งตำแหน่งเก้าอี้ผู้บริหารใหญ่ ส่งผลให้หุ้นที่สันติถึอไว้ลดฮวบโดยไม่รู้ตัว เขาจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัที่ถูกฮุบไอเดียไปแบบหน้าซื่อตาใสพร้อมไฟแห่งความแค้นที่ลุกโชนไปทั่วทั้งกาย!!
สันติตั้งปณิธานว่าจะต้องสร้างบริษัทขนส่งที่โค่นล้ม EZY Express ให้ได้ ด้วยการตั้งทีมสุดแข็งแกร่ง ทั้ง รุ่ยเจี๋ย (ดร.พลัง โลกศิลป์) สุดยอดโปรแกรมเมอร์ด้านลอจิสติกจากเซี่ยงไฮ้ และ เสี่ยวหยู (รับบทโดย เจนเย่ เมธิกา) นักการเงินสาว ผู้กล้าได้กล้าเสีย เพื่อปลุกปั้น "Thunder Express" บริษัทขนส่ง ส่งดวน ส่งไว ส่วเร็วทันใจ เพื่ออำนวยความสะดวกที่สุดให้กับลูกค้า สู่ปรากฎการณ์สงคราม ส่งด่วน สุดเข้มข้นพวกเขาต้องเจออุปสรรคมากมายตลอดเส้นทาง ทั้งดราม่าภายในทีมบริหาร การกระทบกระทั่งกับกลุ่มไรเดอร์ หนอนบ่อนไส้ภายในองค์กร และความพยายามแทรกแซงธุรกิจจากเจ้าสัวคณิน สันติจะพายูนิคอร์นตัวนี้ให้สยายปีก พุ่งทะยานไปได้อย่างสวยงาม หรือสุดท้ายจะต้องตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ติดตามคำตอบได้พร้อมๆ กันใน ซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) ทั้งหมด 7 ตอน ความยาวตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง ทาง Netflix บอกเลยว่าหมดคืน ไม่ได้นอนกันไปเล้ย!!
รีวิว สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) ซีรีส์ไทย สุดเดือด ทาง Netflix
ถ้าให้พูดกันตามตรง ตอนแรกเราก็ลังเลใจว่าจะดูดีไหม แต่เห็นหนังเข้าใหม่ กอปรกับเบื่อหนังแนวรักๆ ที่ดูมาเสียเยอะ เลยตัดสินใจเปิดดูตอนแรกเสียหน่อย อีตอนเริ่มแรกมาก็ งงๆ ว่านี้มันคือหนังอะไร เรื่องอะไร?? เพราะเปิดเนื้อเรื่องมาในเหมืองทราย พร้อมใบหน้าของสันติที่ดูคล้ำๆ ดำด้านแดด ได้อารมณ์แบบ มหาลัยเหมืองแร่ ดูไปส่วนแรกๆ รู้สึกเฉยๆ แต่พอเริ่มเข้าช่วงกลางๆ ของ ep.1 ก็เหมือนตัวเองฮุบเหยื่อที่ผู้กำกับใส่เอาไว้เรียบร้อย ดูรวดเดียว 7 ตอน แบบไม่เคยทำกับซีรีส์เรื่องไหนมาก่อนซะงั้น!!
- สันติ Keyman สำคัญของเรื่อง เรื่องราวสุดเข้มข้นนี้จะไม่เกิดขึ้นหากขาดตัวละครหลักอย่างสันติ ซีรีส์จะค่อยๆ แงะปูมหลังของสันติออกมาให้เราเห็นทีละเปลาะ ว่าทำไมคนๆ หนึ่งที่มีต้นทุนใกล้ระดับติดลบถึงกระเสือกกระสน ทะเยอทะยานได้มากเพียงนี้ เขาอาจไม่ใช่ตัวละครที่เก่งที่สุด รวยที่สุด ล้ำที่สุด แต่บอกเลยว่ามีกึ๋นแบบโคตะระ หลายครั้งที่เราตบเข่าฉาดว่า เห้ย สันติเอาอยู่ว่ะ!! พร้อมยกนิ้วชี้ไปที่หน้าจอ ว่านี่แหละเซนส์ของสุดยอดนักธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะเป็นปัญหา เล็ก หรือใหญ่ นับรวมไปจนถึงการซื้อใจคนเราจะเห็นได้เลยว่าตัวละครนี้ถูกปูมาเพื่อความเป็นนักธุรกิจใหญ่โดยแท้ บทนี้รับโดยไอซ์ซึ ที่สารภาพว่าเราไม่เคยดูผลงานการแสดงของเขามาก่อน แต่พอได้เห็นการแสดงในเรื่องสงคราม ส่งด่วน ก็ต้องขอชื่นชมเลยจริงๆ เพราะเขากลืนเข้าเป็นเนื้อเดียวกับตัวละครจนทำให้เราเชื่อได้แบบสนิทใจ มากไปกว่านั้นคือไอซ์ซึฝึกพูดจีนและท่องจำบททั้งหมดภายในระยะเวลา 2 เดือนเท่านั้น!! ถ้าไม่เรียกว่าอัจฉริยะด้านการแสดง จะให้เรียกว่าอะไร?
- พล็อตเรื่องเข้มข้น เร้าใจ ถึงแม้จะไม่ใช่ซีรีส์แนวแอ็กชัน ทริลเลอร์ ที่มีฉากบู๊ ซัดกระหน่ำ นัวกันตลอดทั้งเรื่อง แต่หนังเรื่องนี้ก็กระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลิน และขยายม่านตาของเราให้เบิกกว้างได้ดีไม่แพ้ไปกว่ากัน ด้วยการเล่าชีวิตของสันติตัวหลักที่เหมือนโชคจะเข้าข้างเขาในหลายๆ ครั้ง แต่ก็ต้องล้มพังไม่เป็นท่าเอาเกือบหมด ตอนแรกเราคิดว่าเรื่องจะมาดี แต่สุดท้ายก็โดนสับขาหลอกโดยพล็อตเรื่องได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในเฟตที่สันติทำการ Reborn เพื่อแก้แค้น อารมณ์แบบ กูแค้นนนนนน ช่วงนี้ยิ่งเริ่มสนุกไปกันใหญ่ เราจะได้เห็นการฟาดฟันของธุรกิจยักษ์ใหญ่ และสตาร์ทอัพตัวเล็กๆ ที่เหมือนทารกในช่วงหัดเดิน แต่พร้อมจะวิ่งรวมไปจนถึงกระโดดหกสูงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ (จะหกคะมำ หน้าตำดินกี่ครั้งก็ช่างมัน!!) ซีรีส์หลายๆ เรื่องที่เราดูแล้วจะกลืนไปกับเตียง หมายถึงดูไปแล้วหลับคล้ายโดนยากล่อมขนานแรง แต่ซีรีส์เรื่องนี้ยิ่งดูยิ่งจ้องเขม็ง เพราะมันมี conflict มาให้ดวงตาของเราเบิกกว้างได้อยู่ตลอด อารมณ์แบบแผนซ้อนแผนซ้อนแผนอีกที วู้วว มันจะสุดอะไรขนาดนี้ ถ้าให้มองความเดือดของอารมณ์ตอนดูเราว่าแอบคล้ายเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง แบบเห้ย มันจะไปสุดที่ตรงไหนเนี่ยยยย
- การเล่าเรื่องกระชับ จัดจ้าน ทัชใจ ในความคิดส่วนตัวเรา ส่วนที่เดินเรื่องช้าๆ จะมีแค่ช่วงแรกๆ ของ ep.1 ที่เปิดตัวสันติเท่านั้น พอเริ่มเข้าช่วงที่เขาแบกฝันอันยิ่งใหญ่ของเขาไปสู่เมืองกรุง ก็เริ่มความมันพะยะค่ะทันที ผู้กำกับอัดฉากเด็ดๆ ของตัวละครใส่หน้าเราแบบไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไกด์ทัวร์ขายหมอนยางพาราให้ทัวร์จีน ก่อนจะผันตัวมาเป็นนายหน้าค้าคอนโด ฉากดวน 40 แก้วสุดมัน ฉากการพนัน ฉากการตามล่าหานักลงทุน ฉากการฟอร์มทีม Avenger โดยเฉพาะการกล่อมเกลี่ยรุ่ยเจี๋ย บอกเลยว่าฮากรามโยกตั้งแต่การเจอกันครั้งแรก 55555 จนเราได้แต่ถามตัวเองว่า เห้ย เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ อย่างเดือด!!! เพราะฉะนั้นซีรีส์จะไม่เปิดช่องให้คุณได้รู้สึกเบื่อเลยสักกะนิด
- นักแสดงดาวเด่นเต็มเรื่อง เรื่องงานแสดงก็บอกเลยว่าจัดมาสุดปอดของจริง เริ่มต้นที่ไอซ์ซึที่ผลงานด้านการแสดงเป็นที่ประจักษ์สุดๆ เขาดูเป็นตัวละครที่อยู่ไม่สุขเพราะความทะเยอทะยานเข้าสิงตลอดเวลา ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาได้แบบสุดจัด เราชอบจังหวะการโน้มน้าวซื้อใจคนของตัวละครนี้มาก ตามมาด้วยบทของเจนเย่ ตัวละครสำคัญที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผ้าเบรกของบริษัท เจนเย่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ เอาจริงๆ ด้วยหน้าสวยๆ ตัวเล็กๆ แต่เวลาแสดงออกมาดู impact มีความน่าเชื่อถือ และดูมีพลังได้ดีมากๆ เสี่ยวหยูเป็นเหมือนลมใต้ปีกที่สันติขาดไม่ได้ และอีกตัวละครเด็ดต้องยกให้พี่รุ่ยเจี๋ย นักจับปลาทะเลผู้ว่ายน้ำไม่เป็น (5555+) ความเก่งกาจด้านโปรแกรม โค้ดดิ้งของแกก็สุดจริง แต่ความไม่เอาสังคมของแกนี่สุดกว่า ทว่าด้วยความสามารถของสันติก็สามารถคว้าใจของเขามาได้ นอกไปจากนักแสดงหลัก 3 คน ยังขนทัพนักแสดงที่เราคุ้นหน้าค่าตามาอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น พีช พชร (นี่มันเถ้าแก่น้อย!!) ที่มารับบท "เคน" ลูกชายของเจ้าสัวคณินที่ต้องถูกปรามาสว่าเติบโตมาได้เพราะอาศัยร่มเงาของผู้เป็นพ่อมาทั้งชีวิต / บี้ ธรรศภาคย์ รับบท เลียม ว่าที่สามีของเสียวหยู / ส้วม สุขพัฒน์ ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายคลัง THUNDER Express หรือกระทั่ง ปิงปอง ธงชัย ที่แวะมาไลฟ์ขายของอยู่ช่วงสั้นๆ ซีรีส์เรื่องนี้เขาให้นักแสดงเยอะมากจริงๆ
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้เลยคือ นักแสดงสมทบ ที่เราไม่เคยเห็นการแสดงของเขามาก่อน อย่างทีมไรเดอร์ เลขา ผู้ช่วย ที่เขารับส่งบทกันได้ลื่นแบบสุดๆ ยิ่งบทไเดอร์ที่คัดมาแบบทรงอย่าง Bad แต่บอกเลยว่าการแสดงอย่างเซียน เราแทบจะไม่รู้สึกขัดกับการแสดงของพวกเขาเลย แสดงดีกันมากจริงๆ
- ล้วงไส้ปมธุรกิจ นอกจากความบันเทิง ความดุเดือด ที่เราได้ดูตลอด 7 ตอนแล้วนั้น สิ่งที่เราจะได้ติดความทรงจำมาด้วยคือ ปมธุรกิจ ที่เขาเล่นกันดุเดือดถึงเพียงนี้ ในธุรกิจจริงอาจจะไม่ดราม่า จังหวะโซ๊ะๆๆๆ ขนาดนี้ก็ได้ หรือเอาจริงๆ มันอาจจะดราม่าแรงกว่าในหนังเสียอีก แต่หนังก็พาเราไปดูโลกเบื้องหลังของธุรกิจขนส่งที่ต้องแวดล้อมไปด้วยสารพัดปัญหา ทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากภายใน และภายนอกองค์กร สงครามห้ำหั่นทั้งโลเคชั่น โปรโมชัน และการกดราคา ซีรีส์ยังเปรียบเทียบสไตล์การดำเนินธุรกิจของปลาใหญ่ ที่แอบเคลื่อนตัวช้ากว่าอยู่บ่อยครั้ง และปลาเล็ก ที่คิดไวทำไว พร้อม moment ที่ปลาใหญ่จะกินปลาเล็ก ตามคำที่เราได้ยินกันบ่อยๆ
ส่วนจุดที่เรามองว่ามันช้ำไปหน่อย คือ การกลั่นแกล้งเอาคืนกันทางธุรกิจ หลายคนอาจจะบอกว่า ใช่สิ เขาต้องกัดกันไม่ปล่อย หมัดต่อหมัดแบบนั้นแหละ แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวเราคือ การกระหน่ำปาปัญหาใส่สันติในช่วงหลังๆ มันแอบมากกกจนติดล้น..ล้นไปจนทำให้เราจับทาง plot ได้ง่าย คือเราจะรู้เลยว่า ถ้าสันติวางแผนทำอะไร อีกเดี๋ยวแผนนั้นต้องโดนขัดแน่ๆ แล้วมันก็แบบนั้นจริง กลายเป็นแพทเทิร์นที่ติด Loop ไปหน่อยในตอนท้ายๆ
สรุปได้สั้นๆ ว่า เป็นซีรีส์ไทย ใน Netflix อีกเรื่องที่ควรดู หลังดูจบจะไม่รู้สึกว่าเอาเวลาฉันคืนมาแน่นอน เพราะมันคุ้มค่าแก่การดูในทุกๆ ตอนเชียวละ
